เพื่อนร่วมทางที่คุณไว้ใจ

สำหรับพนักงานบริษัท:

1. บัตรประชาชนตัวจริง และ

2. สลิปเงินเดือนล่าสุด หรือ

3. หนังสือรับรองเงินเดือน / สเตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือนและหน้าบุ๊คแบงค์

สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ

1. บัตรประชาชนตัวจริง

2. ทะเบียนบ้านตัวจริง หรือ สำเนาทะเบียนบ้าน

3. สามารถตรวจสอบอาชีพได้ เช่น สามารถให้เจ้าหน้าที่ไปถ่ายรูปสถานที่ประกอบการได้

ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ออกรถได้ เพียงติดต่อบอสมอเตอร์

เอกสารที่ต้องใช้ในการออกรถ สำหรับผู้ที่เป็นต่างชาติ

1. ใบอนุญาตการทำงาน

2. ใบตม.

3. สเตสเม้นย้อนหลัง 6 เดือน

4. หนังสือรับรองหารทำงาน

5. สลิปเงินเดือน

6. พาสปอร์ต

7. ใบขับขี่

หากลูกค้าอายุไม่ถึง 20 ปี จำเป็นต้องให้ผู้ปกครองมาเซ็นยินยอม โดยเอกสารที่ต้องใช้คือ บัตรประชาชนกับสำเนาทะเบียนบ้าน ทั้งของผู้ซื้อ และของผู้ปกครอง

1. สำหรับขนาดรถ 110-125 CC ต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หากอายุ 18-20 ปี ผู้ปกครองต้องเซ็นยินยอมให้ออกรถ

2. สำหรับขนาดรถ 150 CC (PCX/ADV เท่านั้น) ต้องมีอายุ 23 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หากอายุ 20-23 ปี ผู้ปกครองต้องเซ็นยินยอมให้ออกรถ

เครดิตบูโร คือประวัติการชำระหนี้ของลูกค้ากับสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งสามารถเช็คได้จากบริษัทเครดิตแห่งชาติ

แบล็ตลิสต์ คือลูกค้าที่ผิดนัดการชำระกับสถาบันทางการเงินต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมเรื่องการเงินกับสถาบันการเงินต่าง ๆ

ผู้ที่ติดเครดิตบูโรหรือติดแบล็ตลิสต์ “สามารถออกรถได้” โดยต้องใช้เงินดาวน์สูงประมาณ 30-40% และจำเป็นต้องมีผู้คำประกันภัย

สำหรับลูกค้าที่มีเครดิตดี ไม่มีประวัติคืนรถ/รถยึด หรือผ่อนบัตรเครดิตล่าช้า สามารถฟรีดาวน์ได้ โดยใช้เอกสารดังนี้

1. สลิปเงินเดือนเดือนล่าสุด

2. บัตรประชาชน

3. อายุงาน 6 เดือนขึ้นไป

สำหรับลูกค้าที่มีเครดิตดี แต่ต้องการดาวน์ ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยใช้เอกสารดังนี้

1. บัตรประชาชน 1 ใบ

2. สลิปเงินเดือน (ถ้ามี)

สำหรับลูกค้าที่ติดเครดิตบูโร มีประวัติคืนรถ/รถยึด หรือผ่อนบัตรเครดิตล่าช้า จำเป็นต้องดาวน์เท่านั้น โดยใช้เอกสารดังนี้

1. บัตรประชาชน 1 ใบ

พ.ร.บ. เป็นสลิปที่ออกโดยบริษัทประกันภัย เพื่อ "คุ้มครอง" ค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเสียชีวิต โดยมีวงเงินคุ้มครองเบื้องต้นดังนี้

1. ค่ารักษาพยาบาล 30,000 บาท/คน

2. ค่าปลงศพ 35,000 บาท/คน

หากได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นฝ่ายถูก จะได้รับวงเงินคุ้มครองเพิ่มดังนี้

1. ค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บ 80,000 บาท/คน

2. เสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาท/คน

เจ้าของรถจะต้องดำเนินการเสียภาษีทุก ๆ ปี ซึ่งถือเป็นระเบียบของกรมการขนส่งทางบก โดยค่าประกัน พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ สำหรับ “รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล” จะมีราคาอยู่ที่ตามความจุกระบอกสูบ ดังนี้

1. ไม่เกิน 75 ซี.ซี. ปีละ 161.57 บาท

2. เกิน 75 ซี.ซี. ถึง 125 ซี.ซี. ปีละ 323.14 บาท

3. เกิน 125 ซี.ซี. ถึง 150 ซี.ซี. ปีละ 430.14 บาท

4. เกิน 150 ซี.ซี. ขึ้นไป ปีละ 645.21 บาท

5. รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ปีละ 323.14 บาท

หากไม่ดำเนินการเสียภาษีจะถือว่าผิดกฎหมาย และเสียค่าปรับดังนี้

1. ปรับคนขับไม่เกิน 10,000 บาท

2. ปรับเจ้าของรถไม่เกิน 10,000 บาท

3. ถ้าคนขับกับเจ้าของรถเป็นคนเดียวกันปรับไม่เกิน 20,000 บาท

ก่อนต่อภาษีรถจักรยานยนต์ รถทุกคันจำเป็นต้องมี พ.ร.บ. ก่อน

โดยป้ายภาษีจะมีลักษณะเป็นป้ายสี่เหลี่ยมสีชมพูฟ้า ระบุปีพ.ศ. ตัวใหญ่ และติดอยู่ที่ตัวรถเพื่อแสดงให้รู้ว่ารถคันนี้ชำระภาษีแล้ว

การต่อภาษีรถจักรยานยนต์ในปี 2565 ต้องใช้เอกสารดังนี้

1. เล่มทะเบียน หรือสำเนา

2. ใบตรวจสภาพรถ (สำหรับรถที่มีอายุเกิน 5 ปี)

3. ใบ พ.ร.บ.จักรยานยนต์

ในกรณีที่ต่อภาษีล่าช้า จะต้องเสียค่าปรับดังนี้

1. รถมอเตอร์ไซค์ คิดค่าปรับ 1 % ต่อเดือนของภาษี

2. ต้องตรวจสภาพก่อนทุกครั้งสำหรับรถจักรยานยนต์ ที่มีอายุเกิน

หากขาดการต่อเกิน 3 ปี จะส่งผลให้ทะเบียนรถถูกระงับ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการทางทะเบียนได้ ต้องจดทะเบียนเล่มใหม่เท่านั้น